การจัดตั้ง “เงินทุนส่งเสริมการสหกรณ์”
ในปี พ.ศ. 2483 รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณให้ไว้เป็นทุนช่วยเหลือสหกรณ์ประเภทต่างๆ เช่น สหกรณ์ขายข้าวและพืชผลร้านสหกรณ์และสหกรณ์นิคมกสิกรรม ฯลฯ โดยมอบให้กรมสหกรณ์ กระทรวงเกษตราธิการเป็นผู้พิจารณาจัดสรรให้สหกรณ์ประเภทต่างๆ กู้เพื่อเป็นทุน เรียกว่า“ทุนส่งเสริมการสหกรณ์” โดยให้สหกรณ์ประเภทต่างๆ นอกจากสหกรณ์ประเภทหาทุนกู้ไปขยายกิจการให้กว้างขวางยิ่งขึ้น สหกรณ์ที่ได้รับความช่วยเหลือนี้ส่วนใหญ่เป็นสหกรณ์ที่ดินและสหกรณ์พาณิชย์ ต่อมากระทรวง การคลังได้เห็นชอบให้รวม เงินทุนส่งเสริมการสหกรณ์ต่างๆ ที่ได้รับจากเงินงบประมาณปี 2491 และปี 2492 เข้าด้วยกัน ซึ่งขณะนั้นมี จํานวนเงินทั้งสิ้น 25.768 ล้านบาท จัดตั้งเป็น “เงินทุนส่งเสริมการสหกรณ์” เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2493 หลังจากนั้นรัฐบาลได้ให้งบประมาณเพิ่มเติมเป็นรายปีจนถึงสิ้นปี พ.ศ.2500 มีเงินทุนรวมทั้งสิ้น 91.904 ล้านบาท (ตามรายงานครบรอบ 50 ปีของสหกรณ์ในประเทศไทย) ต่อมาได้มีการจัดตั้งเงินทุนต่างๆ เพื่อส่งเสริมกิจการสหกรณ์อีก ดังนี้
ปี 2509 เงินทุนหมุนเวียนจัดสหกรณ์ที่ดินและอาคาร
ปี 2513 เงินทุนหมุนเวียนจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม
ปี 2518 เงินทุนหมุนเวียนโครงการเร่งรัดพัฒนาดินเปรี้ยวเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ปี 2520 เงินทุนหมุนเวียนให้สหกรณ์ร้านค้ากู้ยืม
ปี 2520 เงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรเพื่อให้สหกรณ์การเกษตรกู้ยืมสําหรับสร้างฉาง ซื้อและปรับปรุงที่ดิน
ปี 2523 เงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จํากัด
การจัดตั้ง “เงินทุนหมุนเวียนสหกรณ์”
ในปี พ.ศ.2526 กรมส่งเสริมสหกรณ์พิจารณาเห็นว่า เงินทุนหมุนเวียนที่อยู่ในความดูแลของกรมฯ มีอยู่หลายเงินทุน แต่ละเงินทุนมีวัตถุประสงค์เป็นการเฉพาะ ทําให้การใช้ประโยชน์จากแต่ละเงินทุนมีจํากัด กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้ทําความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อขอรวมเงินทุนต่างๆ เข้าด้วยกัน และกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบตามหนังสือ ที่ กค 0507/119 ลงวันที่ 4 มกราคม 2527 ให้รวมเงินทุนต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น จํานวน 7 เงินทุน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการให้กู้ยืมเข้าเป็นเงินทุนหมุนเวียนเดียวกัน รวมเป็นเงิน 339.442 ล้านบาท ใช้ชื่อว่า “เงินทุนหมุนเวียนส่งเสริมการสหกรณ์” ขึ้นในกรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ใช้เป็นเครื่องมือสําหรับส่งเสริมและพัฒนางานสหกรณ์ โดยการสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ําให้สหกรณ์ต่าง ๆ กู้ยืมไปดําเนินธุรกิจให้บริการแก่สมาชิก แต่เนื่องจากความต้องการใช้เงินทุนมีจํานวนมาก ไม่สามารถจะพิจารณาสนับสนุนให้แก่ทุกสหกรณ์ได้ เพราะจํานวนเงินมีจํากัด ดังนั้น กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้ขอตั้งงบประมาณประจําปี เพื่อขอเพิ่มจํานวนเงินทุน และได้รับงบประมาณ ดังนี้
ปี 2533 ได้รับเงินงบประมาณ จํานวน 6.254 ล้านบาท
ปี 2534 ได้รับเงินงบประมาณตามโครงการจัดการผลิตและการตลาดกระเทียมหอมแดงและหอมหัวใหญ่ จํานวน 100.000 ล้านบาท
ปี 2535 ได้รับเงินงบประมาณ จํานวน 49.000 ล้านบาท (โครงการนิคมสหกรณ์อีสานพัฒนา จํานวน40.000 ล้านบาท โครงการส่งเสริมและฟื้นฟูอาชีพของสมาชิกสหกรณ์ที่ประสบภัยจากไต้ฝุ่นเกย์ 9.000 ล้าน
บาท)
ปี 2536 ได้รับเงินงบประมาณ จํานวน 30.000 ล้านบาท (โครงการส่งเสริมและฟื้นฟูอาชีพของสมาชิกสหกรณ์ที่ประสบภัยจากไต้ฝุ่นเกย์ 9.000 ล้านบาท โครงการเร่งรัดเพิ่มผลผลิตสหกรณ์ ผู้ใช้น้ํา 10.000 ล้าน
บาท โครงการพัฒนาเกษตรผสมผสานในเขต นิคมสหกรณ์ 11.000 ล้านบาท)
ปี 2538 ได้รับเงินงบประมาณสําหรับให้สหกรณ์ขนาดเล็กไม่มีแหล่งเงินทุนกู้ยืม จํานวน 200.000ล้านบาท
ปี 2539 ได้รับเงินงบประมาณ จํานวน 700.000 ล้านบาท
ปี 2540 ได้รับเงินงบประมาณ จํานวน 450.000 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้น 1,874.696 ล้านบาท
การจัดตั้ง “เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์”
กองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ได้ตั้งขึ้นในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2542 โดยมีเงินทุนแรกตั้ง จํานวน 2,286.350 ล้านบาท ซึ่งมีที่มาของ
เงินทุนจากแหล่งต่างๆ ดังนี้
-โอนเงินทุนหมุนเวียนส่งเสริมการสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 มาตรา 134 (วรรคท้าย) จํานวน 2,118.910 ล้านบาท
-เงินทุนส่งเสริมการศึกษาทางสหกรณ์ จํานวน 99.820 ล้านบาท
-เงินสมทบจาก ADB จํานวน 67.620 ล้านบาท
ต่อมาได้รับงบประมาณประจําปีเพิ่มเติม ดังนี้
-ปีงบประมาณ 2543 จํานวน 50.000 ล้านบาท
-ปีงบประมาณ 2544 จํานวน 50.000 ล้านบาท
-ปีงบประมาณ 2545 จํานวน 531.610 ล้านบาท (เงินโครงการพัฒนาธุรกิจโคนม ตามโครงการงบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประจําปีงบประมาณ 2545 จํานวน 600.000 ล้านบาท ส่งคืนรายได้แผ่นดินจํานวน
68.390 ล้านบาท คงเหลือ 531.610 ล้านบาท)ในปี พ.ศ. 2545 พระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอํานาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 พ.ศ.2545 ได้โอนกองทุนพัฒนาสหกรณ์ไปตั้งไว้ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2545 และกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับงบประมาณประจําปีเพิ่มเติม ดังนี้
-ปีงบประมาณ 2551 จํานวน 50.000 ล้านบาท (โครงการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตามนโยบายของรัฐ 50.000 ล้านบาท)
-ปีงบประมาณ 2552 จํานวน 139.000 ล้านบาท (โครงการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตามนโยบายของรัฐ 50.000 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนเงินกู้แก่สหกรณ์เพื่อส่งเสริมสมาชิกปลูกปาล์มน้ํามันในภาคใต้ 89.000 ล้านบาท)
-ปีงบประมาณ 2553 จํานวน 100.000 ล้านบาท (โครงการสนับสนุนเงินกู้แก่สหกรณ์เพื่อส่งเสริมสมาชิกปลูกปาล์มน้ํามันในภาคใต้ 90.000 ล้านบาท และโครงการรวบรวมปาล์มน้ํามัน 10.000 ล้านบาท)
-ปีงบประมาณ 2554 จํานวน 116.800 ล้านบาท (โครงการทุนหมุนเวียนสําหรับสหกรณ์ในโครงการพระราชดําริและโครงการหลวง 16.800 ล้านบาท และโครงการบริหารจัดการตลาดผลไม้ของสหกรณ์ 100.00 ล้านบาท) นอกจากนี้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ยังได้รับเงินบริจาคจากสหกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับความช่วยเหลือด้านเงินทุนภายใต้โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร (Agricultural Sector Program Loan : ASPL)ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 - 2554 รวมเป็นเงิน 484.322 ล้านบาทฐานะการเงินของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ณ วันต้นปีงบประมาณ 2555 มีเงินทุน จํานวน 4,527.983 ล้านบาทประกอบด้วย
-เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ จํานวน 3,323.765 ล้านบาท
-เงิน ADB โครงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ํา จํานวน 12.057 ล้านบาท
-เงิน ASPL จํานวน 484.322 ล้านบาท
-รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย(สะสมตั้งแต่ปี 2542-2554) จํานวน 707.839 ล้านบาท
สัญลักษณ์กองทุนพัฒนาสหกรณ์(กพส.)
คณะกรรมการบริหาร กพส. ได้จัดประกวดสัญลักษณ์ของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เพื่อเป็นเอกลักษณ์สำหรับใช้ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับ กพส. โดยผู้ชนะเลิศ ได้แก่ นายบำรุง อิสรกุล ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล 5,000 บาท ตามประกาศคณะกรรมการตัดสินการประกวดเครื่องหมายกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เรื่อง ผลการตัดสินการประกวดเครื่องหมายกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ประกาศ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
รูปแบบสัญลักษณ์ของกองทุนพัฒนาสหกรณ์เป็นถุงเงินรูปหยดน้ำสีน้ำเงินฟ้ารูปเกลียวเชือกอยู่ใน แนวคิดการออกแบบ คือ
ถุงเงิน แสดงถึง การดำเนิงานที่มีความเกี่ยวข้องกับการเงินกองทุน
รูปหยดน้ำ แสดงถึง ความมีน้ำใจ ความร่วมแรงร่วมใจในการพัฒนาองค์กร
เกลียวเชือก แสดงถึง ความสามัคคี ความร่วมมือในการดำเนินงาน
ขั้นบันได แสดงถึง การพัฒนาสู่เป้าหมายสูงสุดซึ่งนำไปสู่ความเป็นเลิศ
สีน้ำเงินฟ้า แสดงถึง บุคลิกที่สุขุมขององค์กร ความมีวิสัยทัศน์ ความมีน้ำใจ และความร่วมมือร่วมใจในการพัฒนา
เลขที่ 510/3 หมู่ที่ 4 ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท 17150
โทรศัพท์. 0-5640-5228 โทรสาร. 0-5640-5227
E-mail
สงวนลิขสิทธิ์ โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดชัยนาท : ภาพประกอบและวิดีทัศน์ จากเว็บไซต์ freepik.com, flaticon.com
Copyright © 2022 Chainat Provincial Cooperative Office